เที่ยวย่านแฟชั่น สุดฮิพ ที่ HARAJUKU

เที่ยวย่านแฟชั่น สุดฮิพ ที่ HARAJUKU

HARAJUKU หรือ ฮาราจูกุ เป็นย่านแฟชั่นชั้นนำของญี่ปุ่นที่พูดชื่อแล้วทุกคนต้องร้องอ๋อกันอย่างแน่นอน แต่เดิมแล้วนั้นเป็นที่โด่งดังอย่างมากในเรื่องแฟชั่นคอสเพลย์ แต่งตัวเหมือนในการ์ตูนมังงะญี่ปุ่น หรือเหมือนในเกม ซึ่งดูแล้วเหมือนหลุดออกมาจากโลกในจินตนาการกันเลย แต่ปัจจุบันถึงแม้ว่าจะมีให้เห็นน้อยลง แต่ว่าก็ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายแฟชั่นสนุกๆมากมายที่ดูได้ที่ฮาราจูกุสไตล์อยู่

ที่นี่เป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นหญิงชายชาวญี่ปุ่น เพราะสามารถปลดปล่อยแฟชั่นการแต่งตัวได้อย่างเต็มที่ไม่มีเคอะเขิน อีกทั้งยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งชั้นดี ที่มีของให้เลือกมากมายอีกด้วย

ถนนสายแฟชั่น Takeshita Dori

ถนนทะเคชิตะ เป็นถนนเล็กๆมีความยาวเล็กน้อยเพียง 250 เมตรเท่านั้น แต่ว่าความไม่ธรรมดาคือสองข้างทางนั้นเต็มสูบไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นมากมาย หลากหลายแบบหลายสไตล์ และยังมีร้านคาเฟ่เก๋ๆแซมอยู่เป็นระยะๆ อาหารอร่อย ตกแต่งร้านเก๋ไก๋ต้องไปชักภาพมาเก็บไว้ โดยเฉพาะถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยนั้น ถนนเส้นนี้จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน เด็กวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการที่เป็นถนนสายแฟชั่นนี้เองทำให้ มีผู้คนแต่งตัวแสดงตัวตนแฟชั่นของตัวเองกันมาแบบจัดเต็มอยู่ตลอด

TABIO

ร้านถุงเท้าน่ารักๆใสๆ เหมาะกับสาวๆที่ชอบถุงเท้าแฟชั่น ลายน่ารัก มีลายดอต ลายทาง ลายการ์ตูน ใส่แล้วดูคิคุเหมือนเป็นคนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

ร้าน OUT OF THE WORLD

เป็นร้านที่ขายรองเท้า เน้นรองเท้าทุกแบบ โดยเฉพาะบู๊ตเท่ห์ๆ มีทั้งสำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งทรงคลาสสิคเรียบ เท่ มีสไตล์ มีทั้งของผลิตทั้งในจีน ในญี่ปุ่น มีหลากหลายสไตล์ หลายแบบ นอกจากบู๊ต จะเป็น sneaker รองเท้าผ้าใบเท่ห์ๆก็มีเช่นกัน

KIDDY LAND

ร้านที่จะช่วยเติมเต็มความฝันให้แก่เด็ก หรือผู้ใหญ่ใจเด็กก็แล้วแต่ ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากการที่เปิดตัวร้านหนังสือ Hashidate Book และเริ่มนำของเล่นเล็กๆน้อยๆ มาวางขายด้วย จนเติบโตกลายมาเป็นร้านขายของเล่นเก่าแก่ที่อยู่มานานถึง 60 ปี มีสาขาทั่วประเทศ แต่ว่าที่ฮาราจูกุ เป็นสาขาที่ดังและใหญ่ที่สุด มีทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Doraemon, Snoopy, Kitty,Rilakkuma รวมถึงตัวการ์ตูนญี่ปุ่นอื่นๆ อีกมากมาย

สะพานสวย

  สำหรับนักท่องเที่ยวสายเซลฟี้  เตรียมกล้องเตรียมเมมโมรี่ หาเสื้อผ้าสวยสวย ทรงผมเก๋เก๋ มารอกันเลยนะคะ เพราะกำลังพาคุณไปชมกับ

สุดยอดสะพานที่ทั้งสวยและมีความเก๋ เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างมาก มีที่ไหนบ้างมาดูกันค่ะ

  • เริ่มต้นด้วยเมืองสุดสโลว์ไลด์ นั่นก็คือ อำเภอปราย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่นี่มีสะพานไม้ที่ทอดตัวไปบนทุ่งนาสีเขียวขจี ซึ่งชาวบ้านเรียกสะพานแห่งนี้ว่าสะพานบุญโขกู้โส่ ซึ่งมีพื้นที่อยู่ในหมู่บ้านแพนโปะ อำเภอปราย จังหวัดแม่ฮ่องสอน  ความหมายของคำว่า โขกู้โส่ คือสะพานบุญ ซึ่งคำว่าโขกู้โส่ นั้นเป็นภาษามาจากไทยใหญ่ เพราะสะพานไม้แห่งนี้เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านในการสร้างสะพานไม้แห่งนี้ออกมา จุดประสงค์ก็เพื่อให้พระสงฆ์ได้ออกมาบิณฑบาตรและชาวบ้านยังสามารถใช้สะพานไม้แห่งนี้ไปทำบุญที่วัดได้ด้วยค่ะ
  • สถานที่ท่องเที่ยวที่สองเรายังคงอยู่กันที่อำเภอปายกันอยู่นะคะ เราจะไปเดินเล่นสวยสวยกันที่สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย สะพานที่หากใครได้มาที่ปายแล้วไม่ได้มาเดินที่สะพานแห่งนี้ จะถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองปายกันค่ะ ซึ่งสะพานแห่งนี้มีประวัติว่าแต่เดิมอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยตอนที่อยู่เชียงใหม่ใช้ชื่อ สะพานนวรัตน์ โดยตอนนั้นสะพานนวรัตน์ มีการถูกรื้อเก็บเอาไว้ไม่ได้ใช้งาน พอที่ปายมีเหตุการณ์น้ำท่วมและที่สะพานปายได้พังลงไป ก็เลยมีการทำเรื่องของสะพานนวรัตน์ให้มาอยู่ที่ปายค่ะ สะพานที่ทั้งสวย คลาสสิกและมีประวัติสองจังหวัดแบบนี้ห้ามพลาดที่เดียวค่ะ
  • ออกจากปายเราจะไปเที่ยวกันต่อที่เชียงใหม่ เพื่อไปเดินเล่นที่ Canopy Walk ทางเดินเหนือเรือนยอดไม้พฤกษาศาสตร์ของสมเด็จพระนางเจ้าศิริกิจ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จากบนสะพานเราจะสามารถมองเห็นวิวที่สวยงามได้แบบ 360 องศา สะพานแห่งนี้มีความสูงอยู่เหนือพื้นดิน 20 เมตรและมีความยาวถึง 400 เมตรการออกแบบสะพานนั้นคำนึงถึงสภาพมากที่สุด โดยโครงสร้างทำมาจากเหล็กกล้า แข็งแรง บางช่วงของสะพานเป็นพื้นที่ทำมาจากกระจกใส เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มองเห็นธรรมชาติด้านล่าง  สร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ

       และนี่ก็คือ สุดยอดของสะพานที่สวยที่สุด ของจังหวัดในเขตภาคเหนือ ที่หากใครที่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ภาคเหนือแล้วไม่ควรพลาด เป็นสถานที่ถ่ายรูปและเช็คอิน ที่สวยงามมากมาก  เหมาะกับมาพักผ่อนแบบสบายสบาย เพราะจังหวัดของภาคเหนือ ที่นี่อากาศจะเย็นและสดชื่น การได้มาเดินชิลชิล เล่นบนสะพานเหล่านี้ จะทำให้เรารู้สึกสบายใจหายเครียดได้ค่ะ

พาไปเช็คอินกับสะพานสวยๆของภาคกลาง

    รอบนี้เราจะพามาเที่ยวสะพานของภาคกลางที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพจังหวัดแรกที่เราจะพาไปเป็นจังหวัดนครนายกซึ่งสะพานได้ที่เราจะแนะนำก็คือสะพานทุ่งนามุ้ยสะพานแห่งนี้เป็นสะพานที่สร้างเข้าไปในทุ่งนามีความยาวมากกว่า 150 เมตรซึ่งสะพานจะทำมาจากไม้สำหรับที่นี่นักท่องเที่ยวจะนิยมมาถ่ายรูปโดยนั่งอยู่ริมสะพานไม่ขายอยู่กลางทุ่งนาบอกได้เลยว่ารูปออกมาสวยงามมากเพราะคุณจะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติความเป็นสีเขียวของไร่นาซึ่งหาดูได้ยากยิ่งและหากใครสนใจจะมาถ่ายรูปวันหยุดก็ยืมขับรถมาถ่ายรูปกันที่นครนายกกันได้เลย

    ที่ต่อไปเราจะย้ายจุด ไปที่จังหวัดกาญจนบุรีกันแทนถ้าพูดถึงสะพานที่มีความสวยงามของจังหวัดกาญจนบุรีคงหนีไม่พ้นสะพานข้าแม่น้ำแควเพราะนอกจากคุณจะได้ยินชมวิวสะพานสวยสวยแล้วคุณจะได้ชมวิวของแม่น้ำแควที่มีสะพานภาพผ่านและหากมีวิวรถไฟวิ่งผ่านแม่น้ำแควด้วยจะยิ่งสวยงามมากเค้าบอกกันว่าหากมาถึงกาญจนบุรีแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควถือว่ามาไม่ถึงจังหวัดกาญจนบุรีเลยนะคะและที่สำคัญสะพานข้าแม่น้ำแควแห่งนี้ไม่ใช่แค่เพียง. แบรนด์มาร์คที่เราจะเอาไปโชว์ใน Facebook เท่านั้นค่ะแต่ที่นี่ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกอีกด้วยนะคะ

      จะเอาตัวเมืองกาญจน์เรามาขับรถไปเที่ยวกันต่อที่สังขะบุรีที่นี่มีสะพานมอนซึ่งเปรียบเสมือนสะพานแห่งวัฒนธรรมที่เชื่อมสองเชื้อชาติระหว่างไทยกับมอนเข้าด้วยกันสะพานมอญมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสะพานอุตตมะนุสรณ์ถ้าตัวยาวอยู่บนแม่น้ำสงกาเรียไปถึงหมู่บ้ามอนซึ่งจะหาใครได้มีโอกาสมาเที่ยวกาญจนบุรีแล้วก็อย่าลืมแวะถ้ามาเที่ยวสะพานมอญแห่งนี้ด้วยนะคะ

     เรียกได้ว่าเป็นสะพานที่กำลังมาแรงแซงโค้งสะพานอื่นๆเลยค่ะสำหรับสะพาน. ชุมวิวเจดีย์บ้านหัวแหลมสะพานแห่งนี้อยู่ที่จังหวัดจันทบุรีเป็นสะพานไม้ที่มีการสร้างทอดยาวออกไปในกลางทะเลสวยงามมากๆเลยค่ะบรรยากาศยืนกรานสะพานมีวิวทะเลล้อมรอบเป็นอะไรที่โรแมนติกสุดสุดที่นี่นักท่องเที่ยวชอบมายืนชมวิวทะเลและชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้อีกด้วยนะคะซึ่งสะพานแห่งนี้ที่จริงแล้ว

ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้สามารถเดินข้ามแม่น้ำไปสักการะพระพุทธรูปที่อยู่บนเนินหินกรางน้ำแต่ตัสะพานไม้ยังสร้างไปไม่ถึงตัวเจดีย์นะคะถ้าเราต้องการไปถึงที่เจดีย์เราจะต้องรอให้น้ำรถแล้วเท่านั้นใครอยากมาเดินชิลล์ชิลล์แบบนี้เก้าปัดหมุดแม่จันทบุรีได้เลยค่ะ

วันหยุดนี้ไปเที่ยวฟาร์มจระเข้กันเถอะ

  เคยได้ยินแต่ว่าที่จังหวัดสมุทรปราการมีฟาร์มจระเข้ขนาดใหญ่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมการแสดงของจระเข้และคนเลี้ยงจระเข้ตั้งใจไว้หลายปีแล้วว่าจะไปแต่ก็ไม่เคยได้ไปสักทีวันนี้เลยถือโอกาสชักชวนลูกสาวทั้งสองคนอยากพาลูกสาวไปเห็นจระเข้ตัวเป็นเป็นของแท้ไม่ใช่ดูแค่จากในจอทีวีตกลงลูกสาวก็อยากดูจริงนัดกันว่าเดี๋ยววันเสาร์นี้เราจะไปฟาร์มจระเข้ที่จังหวัดสมุทรปราการกันซึ่งการเดินทางเราจะใช้การเดินทางด้วยรถยนต์เพราะไปกันสามคนแม่ลูกคงไม่เหมาะกับการขึ้นรถเมล์แน่นอน

     วันนี้ถึงวันที่เรานัดกันแล้วว่าเราจะไปเที่ยวฟาร์มจระเคลูกสาวสองคนตื่นกันแต่เช้าโดยที่แม่ไม่ต้องปลุกเลยอาบน้ำแต่งตัวเสร็จลงมากินข้าวเราก็เตรียมพร้อมกันที่จะไปฟาร์มจระเคกันเลยเมื่อขับรถไปถึงที่สามจระเข้เราก็มีที่จอดรถเป็นร้านกว้างอยู่บริเวณหน้าฟาร์มซึ่งวันนี้คนค่อนข้างน้อยเราจึงไม่ต้องวนหาที่จอดรถนานและเมื่อลงจากรถแล้วก็เจอประตูทางเข้าฟาร์มจระเข้ที่มีป้ายบอกชื่อฟาร์มเสร็จแล้วตรงจุดทางเข้าจะมีจุดจำหน่ายตั๋วเราจึงต้องผัดกันไปซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปดูการแสดงของจระเข้

และเมื่อซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเราเดินเข้าไปข้างในยังไม่เห็นจระเข้เลยแต่เราก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับสัตว์นานาชนิดมากมายที่มีอยู่ในฟาร์มจระเข้แห่งนี้ด้วยซึ่งการมาครั้งนี้เราไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเราจะมาเห็นสัตว์ชนิดอื่นๆด้วยเพราะว่าคิดว่าฟาร์มจระเข้ก็น่าจะมีแต่จระเข้เท่านั้นเราสามคนแม่ลูกจึงแวะชมสัตว์อื่นๆที่ฟาร์มจระเข้กันก่อนไม่ว่าจะเป็นการแวะให้อาหารนกแวะเลี้ยงนมแกะป้อนอาหารกระต่ายหรือแม้แต่การดูเสือซึ่งสัตว์เหล่านี้ทางฟาร์มจระเข้มีการทำที่อยู่ให้กับสัตว์เหล่านี้ซึ่งมั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอน

และเมื่อเราเดินลึกเข้าไปอีกหน่อยใกล้จะถึงฟันที่เลี้ยงจระเข้แล้วเราก็พบสัตว์อื่นๆอีกมากมายตลอดสองข้างทางที่เราเดินไปซึ่งเพิ่งรู้ว่าที่นี่มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่มากเหมือนกันเดินกันจนเหนื่อยเราก็เลยไปหาจุดที่จะมีการแสดงของจระเข้ซึ่งรอเพียงไม่นานก็มีผู้ชายใส่ชุดคล้ายกับคนโบราณออกมาแล้วเขาก็เริ่มการแสดงเล่นกับจระเข้ให้เราดูเด็กเด็กถูกใจกันมากแม้จะหวาดเสียวบ้างในบางครั้งแต่ก็ชอบเมื่อการแสดงจบพวกเราทั้งสามคนก็พากันกลับบ้าน          

เทศกาลน่าไปจากทั่วโลก

ทุกๆเทศกาลที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศนั้นมักจะนำความมีชีวิตชีวาและความเบิกบานใจมาให้กับผู้คนที่เฉลิมฉลอง บางเทศกาลก็มีความเฉพาะเจาะจงร่วมด้วยไปกับประเพณีและมีแตกต่างกันไปตามเฉพาะกลุ่ม ชุมชน และเชื้อชาติ การเฉลิมฉลองเทศกาลนั้นยังให้ความหมายสำคัญกับชีวิตของเหล่าผู้คนที่มาเฉลิมฉลองอีกด้วย 

มีเทศกาลไหนบ้างล่ะที่น่าไปและไม่ควรพลาด เอาล่ะมาดูกันว่ามีเทศกาลอะไรจากทั่วโลกกันบ้าง 

  1. เทศกาลปามะเขือเทศ จัดขึ้นที่เมืองบูญอลในประเทศสเปน โดยเทศกาลจะจัดทุกวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคมของทุกๆปี ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมเทศกาลนี้จะทำการปามะเขือเทศใส่กัน ในแต่ละปีจะมีมะเขือเทศราวๆกว่า 100 ตัน ถูกปากันอย่างสนุกสนานในเทศกาลนี้ มะเขือเทศที่ใช้คือ Extremadura ซึ่งเป็นมะเขือเทศราคาถูก รสชาติไม่อร่อยค่ะ
  2. เทศกาลสาดสี จัดขึ้นทั่วประเทศอินเดียช่วงเดือนมีนาคม เป็นการเฉลิมฉลองของชาวฮินดูเพื่อระลึกถึงชัยชนะของความดีที่อยู่เหนือความชั่ว เทศกาลนี้ยังเป็นเครื่องหมายของการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ ที่เป็นฤดูของความหวังและความสุขสันต์ โดยผู้ที่เข้าร่วมเทศกาลจะทำการสาดผงสีใส่กันอย่างสนุกสนาน สีที่สาดกันจะมีความหลากหลายสวยงาม โดยตัวผงสีจะทำมาจากพืชและสมุนไพรธรรมชาติค่ะ 
  3. เทศกาลคาร์นิวัล จัดขึ้นที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี เป็นหนึ่งในเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ผู้คนที่เข้าร่วมเทศกาลจะทำการสวมหน้ากากที่ถูกทำขึ้นมาอย่างประณีตละเอียดงดงามและมีความแตกต่างกันไปตามความชอบของผู้ใส่ พร้อมกับแต่งตัวกันอย่างจัดเต็มอลังการ โดยในเทศกาลผู้คนจะออกมาเดินขบวนพาเหรดและเต้นรำกันอย่างสนุกสนานไม่อายใคร
  4. เทศกาล Burning Man ของสหรัฐอเมริกา เทศกาลนี้ใช้เวลาจัดกันยาวนานเป็นสัปดาห์เลยล่ะค่ะ  โดยจัดที่ทะเลทราย Black Rock รัฐเนวาด้า เริ่มตั้งแต่วันจันทร์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมไปจนถึงวันจันทร์แรกของเดือนกันยายน เป็นเทศกาลที่ผู้เข้าร่วมจะนำผลงานศิลปะที่หลากหลายมาจัดแสดงโชว์ และผูกมิตรกับผู้ที่เข้ามาร่วมงานอย่างสนุกสนาน และคืนวันก่อนจบเทศกาลจะมีการเผาหุ่นไม้ขนาดยักษ์อีกด้วย
  5. เทศกาลโคมไฟ จัดขึ้นที่ประเทศไต้หวัน ในเทศกาลนี้คุณจะได้พบเจอกับโคมไฟนับพันๆดวงที่จะส่องสว่างสดสวยในท้องฟ้ายามราตรี เทศกาลนี้เป็นพิธีการโบราณที่มีความหมายเพื่อแสดงว่าเมืองเป็นไปด้วยความโชคดีและไม่มีโรคภัย ภายในเทศกาลจะมีการจัดแสดงโคมไฟเป็นรูปร่างต่างๆเยอะแยะสวยงามเต็มไปหมดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น รูปทรงสัตว์นานาชนิด สถานที่สำคัญๆต่างๆ และฯลฯ  
  6. เทศกาลสงกรานต์ ของประเทศไทย จัดขึ้นทุกวันที่ 13 – 15 เมษายนของทุกปี เทศกาลสงกรานต์นั้นถูกจัดเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงในระดับโลกเลยอีกด้วย เป็นเทศกาลที่มีอยู่มาอย่างช้านาน ซึ่งตรงกับวันขึ้นปีใหม่ของไทย โดยเหล่าชาวไทยและนักท่องเที่ยวจะร่วมออกมาเฉลิมฉลองเทศกาลโดยการออกมาสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน และยังช่วยคลายร้อนจากอากาศอันอบอ้าวของเดือนเมษายนอีกด้วย

พาไปเที่ยวน้ำตกสามหลั่นที่จังหวัดสระบุรี 

หากใครที่ชื่นชอบการเล่นน้ำอยากจะไปสัมผัสกับน้ำใส่สายและบรรยากาศโดยรอบที่มีต้นไม้ หลากหลายสายพันธุ์ที่เราได้สัมผัสกับความงามตามธรรมชาติขอแนะนำอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่นที่นี่คุณจะได้สัมผัสความสวยงามของน้ำตก

ซึ่งหากใครต้องการที่จะนอนพักค้างคืนเพื่อฟังเสียงนกร้องในยามค่ำคืนสำหรับที่อุทยานน้ำตกสามหลั่นนี้จะมีที่พักขอให้บริการนักท่องเที่ยวหรือหาใครไม่อยากจะนอนพักก็สามารถมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้โดยที่นี่จะอยู่ห่างจากกรุงเทพแค่เพียง 100 กิโลเมตรเท่านั้นเองการเดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติ สามหลั่น นั้นคุณสามารถขับรถตรงจากกรุงเทพแล้วขับรถตรงมาผ่านมาทางบริเวณอำเภอหนองแคได้เลยซึ่งที่นี่จะมีสวิวทิวทัศน์ที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปลักษณะของน้ำตกสามหลั่นนั้น

จะมีลักษณะของน้ำที่ไหลลงมากระทบหินเป็นในลักษณะของขั้นบันไดซึ่งโขดหินของที่นี่จะเป็นหินกว้างที่ลดหลั่นกันลงมาโดยน้ำตกที่นี่จะอยู่ห่างจากอุทยานประมาณ 400 เมตรจะเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชมความงามของน้ำตกสามหลั่นเฉพาะในช่วงหน้าฝนเท่านั้น เนื่องจากที่นี่ในหน้าแล้งน้ำจะมีปริมาณน้อยมากซึ่งไม่เพียงพอต่อการเล่นน้ำของนักท่องเที่ยวและใกล้ใกล้กับน้ำตกสามหลั่นเดินไปเพียงแค่ 400 เมตรเท่านั้นคุณก็จะเจอกับน้ำตกภูหินดาดแต่น้ำตกที่นี่จะเป็นน้ำตกขนาดเล็กมีฉันน้ำตกแค่เพียงชั้นเดียว

เป็นลักษณะลานหินกว้างและจุดเด่นของที่น้ำตกแห่งนี้

ก็คือจะมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างน้ำตกคอยให้ความร่มรื่นแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการมานั่งพักผ่อนเพื่อชมความงามของธรรมชาติ และเดินมาอีกหน่อยแค่เพียง 400 เมตรเช่นกันคุณจะได้พบกับน้ำตกโตนรากไทรมีลักษณะคล้ายกับน้ำตกโพธิ์หินดาดนั่นก็คือเป็นน้ำตกหินชั้นเดียวที่จะมีน้ำไหลลงมาจากผาสูงลงมาสู่แอ่งน้ำข้างล่าง

ซึ่งที่นี่นักท่องเที่ยวต่างนิยมมาเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมากสำหรับน้ำตกถึงสามจุด นักท่องเที่ยวสามารถ เดินชมความงามของน้ำตกได้ตลอดเวลาเพราะน้ำตกทั้งสามที่นี้แต่ละที่จะห่างกันแค่เพียง 400 เมตรเท่านั้นและที่นี่ก็สามารถเดินกลับไปยังอุทยานที่พักที่นักท่องเที่ยวได้จองห้องพักเอาไว้ซึ่งห่างจากอุทยานที่พักแค่เพียง 400 เมตรเช่นเดียวกันทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวมากเพราะนอกจากจะได้เล่นน้ำแล้วยังได้เห็นธรรมชาติของสัตว์ป่าอีกด้วยและหากทั้งนักท่องเที่ยวคนไหนยังท่องเที่ยวกันไม่จุใจใกล้ใกล้กับอุทยานแห่งชาตินี้คุณสามารถแวะไปเที่ยววัดพระพุทธะฉายอุโมงค์รถไฟพระพุทธะฉายรวมถึงไปดูซากเจดีย์โบราณบนยอดเขาเรดาร์ได้อีกด้วย      

การออกกำลังกายดีต่อสุขภาพอย่างไร

สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ไม่ยอมออกกำลังกายคงจะเป็นเพราะว่าเขาไม่มีเวลาว่าง หรือสิ่งรอบตัวไม่เอื้ออำนวยให้ออกกำลังกาย แต่สำหรับคนที่มีทั้งเวลาว่าง และที่บ้านก็ยังมีเครื่องออกกำลังกายอีกด้วย แต่ทำไมนะเขาถึงไม่ยอมที่จะออกกำลังกายกัน ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายนั้นส่วนใหญ่มันจะมีข้อดีขอองมันมากมาย เหตุผลที่เราควรที่จะออกกำลังกายก็มีไม่น้อยเลยนะ ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงเหตุผลที่เราควรที่จะออกกำลังกายกันนะ

เหตุผลที่เราควรที่จะออกกำลังกายมีอะไรบ้าง

  • ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

สิ่งที่เรามักจะมองข้ามกับการทำให้ร่างกายแข็งแรงนั้นก็คือการที่เราจะต้องออกกำลังกาย ซึ่งหากเรานั้นได้ทำเช่นนี้แล้วจะทำให้ร่างกายขงเราไม่อ้วนนะคะ เพราะมันเป็นการที่ร่างกายของเราได้เผาพลานพลังงานออกไป ซึ่งนั้นเป็นวิธีลดน้ำหนักอย่างดีอีกวิธีหนึ่งเลยคะ เพราะการที่เราได้เผาพลานแคลรอรี่ในรางกายจะส่งผลให้ไขมันของเราที่เกาะอยู่ตามร่างกายได้สลายไปอย่างง่ายดายนั่นเอง ซึ่งน้ำหนักของเราที่มากเกินไปจะถูกเผาพลานนั่นเอง

  • ช่วยในการป้องกันโรคภัยต่างๆ

แน่นอนคะว่าในการออกกำลังกายเป็นการทำให้ร่างกายของเรานั้นแข็งแรงโดยที่เรานั้นไม่ต้องไปสรรหาวิธีจากที่ไหนเลย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เรานั้นห่างไกลโรคภัยนั่นก็คือการทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง โดยเราจะไม่เจ็บป่วยได้ง่ายดาย หากว่าเรานั้นไม่มีการดูแลตัวเองเวลาเจออากาศที่ไม่ดีอย่างเช่น หนาวจัดหรือร้อนจัด หรือเดียวร้อนเดียวหนาว ก็จะส่งผลให้เรานั้นป่วยได้ง่ายขึ้นกว่าบุคคลที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ซึ่งคนที่ร่างกายแข็งแรงนั้นเวลาเจอสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายไม่ว่าจะมากแค่ไหน ภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ร่างกายของเขานั้นได้แข็งแรงกว่าคนที่ไม่ยอมออกกำลังกายแม้แต่น้อยเลย

  • ช่วยเพิ่มเสริมพลังงานให้เรานั้นแข็งแรง

ซึ่งเราอาจจะสังเกตุได้ว่าบุคคลที่มีการออกกำลังกายร่างกายของพวกเขานั้นจะแข็งแรง และร่างกายส่วนใหญ่จะไม่ทรุดโทรมและไม่ทำให้เราเหนื่อยง่ายในเวลาที่เรานั้นจะทำกิจกรรมอะไรก็ตาม หลักการนี้จะเห็นได้ว่าผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยจะเป็นผู้ที่มีความเหนื่อยง่าย เดินไกลนิดหน่อยก็เหนื่อยเมื่อยล้า ซึ่งแตกต่างจากเหล่าบรรดานักออกกำลังกายเลยนะ เพราะพวกนี้มีร่างกายที่เรียกว่าแข็งแรงเลยทำอะไรไม่เหนื่อยง่ายแถมหากมีการทำอะไรที่หักโหมพวกเขาก็จะไม่เจ็บป่วยได้ง่ายเช่นกัน