หมวดหมู่: แนะนำการท่องเที่ยว

ถ้าไปเกาหลี คุณต้องรู้…ข้อห้ามที่ไม่ควรทำที่เกาหลี

เวลาเราไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เราจำเป็นต้องรู้พื้นฐานวัฒนธรรมเค้าด้วยนะ และเราก็ควรจะรู้ข้อห้ามต่างๆที่ประเทศที่เราไปท่องเที่ยวด้วย เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องและระวังตัวสำหรับข้อห้ามที่ห้ามทำ 

วันนี้จึงมีข้อห้ามสำหรับในประเทศเกาหลีของคนเกาหลีและนักท่องเที่ยวควรจะรู้มาฝากกันค่ะ 

คนเกาหลีเค้าไม่สูบบุหรี่กันตามอำเภอใจนะ 

การที่ชาวเกาหลีจะสูบบุหรี่นั้นเค้าจะสูบได้แค่ในพื้นที่หรือบริเวณเขตที่กำหนดว่าคุณสูบได้ เค้าไม่สามารถเดินไปสูบไปตามสถานที่ต่างๆในเมืองได้ เพราะถือว่าเสียมารยาทและไม่เหมาะสม

ถามไถ่เรื่อง อุจจาระ ปัสสาวะ เป็นเรื่องปกติ

การที่ชาวเกาหลีที่รู้จักกัน เจอกันถามทุกสุขดิบ และถามถึงสุขภาพ ลามไปจนถึงเรื่องปัสสาวะ อุจจาระ ถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่นี้ เพราะเค้าไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องน่ารังเกียจหรือน่าอายแต่อย่างใด เป็นการพูดคุยในเรื่องทั่วไปเท่านั้น

เห็นคนกลับที่ถนน ห้ามปลุก!

ถ้าคุณไปเที่ยวเกาหลีแล้วเจอ คนเมา ขอทาน หรือ ใครก็ตามที่นอนหลับที่ถนน คุณต้องไม่ไปปลุกคนที่กำลังหลับบนถนนเด็ดขาด ให้เค้าตื่นและรู้สึกตัวและไปต่อเอง

ห้ามจ้องหน้าคนแปลกหน้า และห้ามถ่ายรูปคนอื่นโดยพละการ

การที่คุณไปเกาหลี อย่าเผลอไปจ้องหน้าคนหล่อ คนสวย (ที่ไม่ใช่ดารา) นะ เพราะมันเป็นการเสียมารยาท ไปจ้องหน้าเค้า เค้าจะคิดว่าหน้าเค้ามีอะไรผิดปกติหรือไง และห้ามแอบถ่ายรูปคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเด็ดขาด เพราะชาวเกาหลีจะฟ้องหรือเรียกตำรวจจับคุณได้นะ 

ห้ามทิ้งเงินค่าทิปให้ 

การไปกินร้านอาหารหรือซื้อของที่ประเทศเกาหลี คุณห้ามวางเงินค่าทิปไว้เชียวนะ เพราะชาวเกาหลีมองว่าเป็นการดูถูกในหน้าที่การงานเค้า คุณแค่จ่ายตามบิลแค่นั้นพอ 

ห้ามโชว์รอยสักในที่สาธารณะ ถ้าไม่จำเป็น

ชาวเกาหลีเค้าไม่โชว์รอยสักกัน เพราะเค้ามองว่าคนที่มีรอยสักนั้นไม่ควรคบหรือไม่เป็นมิตรกับคุณ หากคุณยิ่งไม่ใช่ ดารานักร้องแล้ว เค้าไม่เห็นด้วยจากการที่คุณจะมีรอยสักด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันเริ่มเปิดกว้างมากขึ้นเพราะ นักร้องเกาหลีบางคนที่มีรอยสักเริ่มมีการเปิดเผยรอยสักของตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยแบบโจงแจ้งจนเกินไป ซึ่งถือว่าปัจจุบันชาวเกาหลีเริ่มมองการสักเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนที่แอนตี้หากใครมีรอยสัก

     คุณคงเห็นข้อห้ามต่างๆของที่ประเทศเกาหลีกันแล้วสินะ คราวนี้ไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วละ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8th

ท่องเที่ยวนั่งเรือชมวัดทั้ง 5

ท่องเที่ยวนั่งเรือชมวัดทั้ง 5 ณ จังหวัดสมุทรสงคราม

ในวันที่เช้ามืดของในวันรุ่งขึ้นผมก็ได้มารอคอยพระอยู่ที่ท่าน้ำในขณะที่ป้าเจ้าของบ้านกำลังต้มข้าวต้มในยามเช้าจากนั้นผมก็ได้ร่วมทำบุญกับคุณป้าคนที่ผมเพียงได้พบหน้าเมื่อวานและในช่วงเวลลาสั้นๆนี้มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มีค่าที่ตัวผมเองจะต้องเก็บเกี่ยวเอาไว้เพราะมันคงจะมีน้อยครั้งในชีวิตที่คนเราจะได้ทำบุญร่วมกับคนที่เพิ่งได้รู้จักกันเหมือนอย่างวันนี้ในมากมายหลายล้านของความรู้สึกที่คนเราจะแบ่งปันให้กันได้และแค่เพียงไม่กี่โอกาสของคนเราที่ได้โคจรมาแลกเปลี่ยนความทรงจำกัน

ซักช่วงนึงของชีวิต ผมลากับป้า ณ บ้านพักคุณยายเชื้อและเข้าสู่ยามเช้าของอัมพวาที่ตื่นเต้นขึ้นอีกครั้งและพร้อมกับแสงแดดที่กำลังจะผ่านม่านหมอกลงมา ณ กิจกรรมในยามเช้าของที่นี้ที่ตัวของผมเองนั้นจะพลาดไม่ได้ก็คงจะเป็นการนั่งเรือชม ห้าวัด เมื่อคนได้เข้ามานั่งเต็มเรือการเดินทางนั้นมันก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในการล่องเรือชมวัดทั้งห้าวัดนี้ผมขอสารภาพเลยว่า วัดทที่ผมจะต้องการเดินทางไปจริงๆนั้น คือ วัดบางกุ้ง วัด ที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุทยาเป็นราชธานีได้ถูกปกคลุมด้วยลากไม้ใหญ่จาก ต้นโพธิ์ ต้นไทร และ ต้นไกร

มันจึงเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวใครหลายคน และ รวมทั้งตัวผมต้องการที่จะต้องพบเห็นให้ได้ซักครั้งในชีวิตหลังจากที่ผมได้ออกเดินทางมาได้ซักระยะแล้วมันก็ทำให้ผมได้ค้นพบได้อย่างหนึ่งว่าการเดินทาคนเดียวจะมอบเพื่อนแท้ให้คุณอย่างน้อยหนึ่งคนในชีวิตและเพื่อนแท้คนนั้นก็คือตัวของคุณเองเพื่อคนสำคัญที่มีบทบาทมากที่สุดในชีวิตของคุณและถ้ารู้จักเพื่อนคนนี้อย่างถ่องแท้แล้ว คำว่าเหงามันจะไม่มีตัวตนกับคุณอีกเมื่อได้เดินมาทั้งสี่วัดแล้วสถานีสุดท้ายของการล่องเรือชม วัดทั้งห้า  ก็คือวัดบางกุ้ง

คนที่ไม่ได้เข้าวัดเข้าวาอย่างผมตั้งแต่ออกท่องเที่ยวได้กลับกลายเป็นว่าเข้าออกวัดเป็นว่าเล่นคงเป็นเรื่องจากที่ตัวผมในอดีตกำลังขำอยู่มีอยู่วันหนึ่งก่องที่ผมจะเริ่มเดินทางท่องเที่ยวผมนั่งคุยกับเพื่อนถึงวีรกรรมเรื่องราวในอดีตของเราที่เคยผ่านอะไรมาต่างๆนาๆในบทสนทนานั้นเรามีความสุขและขำขันกันไปแต่เมื่อบทสนทนาสิ้นสุดลงผมกลับรู้สึกใจหายและพบว่าตนเองเหลือเพียงเรื่องราวในอดีตที่สามารถสร้างความสุขให้กับชีวิตของตัวเอง

ได้มันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าหดหู่ใจสำหรับผมมากในช่วงแรกผมรู้สึกโทษสิ่งรอบข้างที่น่าตื่นเต้นน้อยลงทุกทีทำให้ชีวิตไร้ปลายทางยึดติดแต่เมื่อเวลาผ่านไปผมจึงได้เข้าใจตนเองว่าสิ่งที่ได้พรากตัวตนและแนวคิดอันหลากหลายของตัวผมออกไป คือ การเป็นผู้ใหญ่

 

สนับสนุนโดย  dewabet

ไหว้พระฮ่องกง เพื่อขอพรต่อเทพแชกง

วัดที่ฮ่องกงนั้น มีหลายวัดที่ศักดิ์สิทธิ์

ซึ่งเราที่เป็นคนต่างชาตินั้นได้มีจิตศรัทธาที่ตั้งใจจะไปไหว้แล้วนั้น คิดว่าคงไหว้กันได้ไม่หมดแน่ๆ เพราะวัดศักดิ์สิทธิ์มากเหลือเกิน แต่หากคุณมีเวลาจำกัดในการเดินทางครั้งนี้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไปฮ่องกงก็ประมาณ 3 วัน 2 คืน หรือ 4 วัน 3 คืน เท่านั้น คุณอาจจะต้องเลือกวัดที่ไปไหว้แล้วครอบคลุมในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการนั่นก็คือ เงิน สุขภาพ การเดินทาง และความเป็นอยู่ ซึ่งทั้งหมดสี่อย่างที่กล่าวมานี้ จะมีอยู่หนึ่งวัด ที่คนส่วนใหญ่จะขอเรื่องเหล่านี้

นั้นคือวัดแชกง วัดดังและศักดิ์สิทธืของคนฮ่องกง  เพราะวัดนี้เวลามาคุณก็จะขอทั้งสี่อย่างนี้ได้เลยที่เดียว และการเดินทางค่อนข้างง่ายและสะดวกแค่คุณลงสถานีรถไฟวัดแชกง คุณเดินออกมาจากสถานี และข้ามถนนมานั้น คุณก็จะเจอวัดแห่งนี้

และเมื่อพอคุณเข้าไปนั้น วิธีการไหว้นั้นไม่ต้องเป็นกังวลอะไรเลย เพราะที่วัดนี้ พนักงานฮ่องกง ส่วนใหญ่พูดหรือให้คำแนะนำเป็นภาษาไทยได้หมด รวมถึงป้ายภาษาไทยที่เขียนไว้เพื่ออธิบายกับคนไทย และนักท่องเที่ยวทั่วไป จากนั้นคุณซื้อชุดไหว้ ซึ่งก็จะมีหลายราคาตามกำลังและความศรัทธา จากนั้นคุณจุดธูปและอธิษฐานอยู่ตรงลานเบื้องหน้าที่ทางสถานที่ของวัดจัดเตรียมไว้ให้ เมื่อจุดธูปขอพรเสร็จแล้วนั้น ให้คุณปักธูปลงตามจุดกระถางต่างๆ แล้วเดินเข้าไปว่าองค์เทพเจ้าแชกง ที่สูงสวยงามน่าเกรงขามอยู่ภายในวัด โดยให้คุณเหลือธูปสามดอกเข้าไปปักกระถางที่วางอยู่ข้างหน้าท่านและกราบไหว้ขอพรกันอีกที

ซึ่งเมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ตรงจุดทางออกนั้นจะมีกังหันจำลองขนาดใหญ่ให้คุณได้ออกมาหมุนตามเข็มนาฬิกาสามครั้ง เพื่อกราบขอพร จากนั้นถือเป็นอันเสร็จพิธี ซึ่งพรทั้งสี่ข้อที่จะขอตามใบพัดกังหันที่มีสี่อันนั้น ก็จะมีเรื่องของสุขภาพ เงินทอง ธุรกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งภายในบริเวณวัดนั้นก็จะมีกังหันจำลองหรือจี้และกำไรข้อมูลให้ผุ้มีความศรัทธาซื้อและนำกลับไปบูชาเองที่ประเทศไทย โดยทางวัดก็จะอำนวยความสะดวกบรรจุให้อย่างเรียบร้อย ซึ่งเมื่อซื้อแล้วนั้น

ทางวัดจะมีการแนะนำเพื่อเอากังหันหรือเครื่องประดับที่เราตั้งใจซื้อบูชานั้นพาไปทำพิธีให้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นความเชื่อบุคคลแต่ส่วนใหญ่แล้วเท่าที่รู้มาทั้งคนฮ่องกงเองหรือคนประเทศไทย ในทุกๆ ปีก็จะกลับไปกราบไหว้ที่วัดแห่งนี้อีกครั้งในทุกๆปี เลยทีเดียว นั่นจึงบอกเป็นนัยๆว่าหากเราศรัทธาจริง ทุกอย่างก็จะเป็นจริง

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  entaplay