ผู้เขียน: admin

สถานที่น่าไปช่วงฤดูหนาว 

ในช่วงฤดูหนาวนั้นทุกคนต่างอยากรู้ว่าจะมีที่ไหนบ้างนะที่เหมาะกับการเที่ยวในช่วงนี้ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไปนั่นก็คือเพลาเพลิน ดอกไม้ที่นี่นั้นจะบานสวยมากในช่วงฤดูหนาวดังนั้นที่นี่จะทำการเปิดให้เข้าชมได้เพียงแค่ช่วงฤดูหนาวเท่านั้นซึ่งต้องขอบอกว่าคนจำเป็นที่จะต้องรอมาที่นี่กันสักครั้งจริงๆ

ซึ่งที่นี่นั้นมีสถานที่นอกจากถ่ายรูปและยังมีของจำลองอีกหลายๆอย่างจากนั้นยังมีโซนของเล่นเด็กซึ่งจะให้เด็กๆต่อเลโก้เล่นชิงช้าหรือเล่นสไลเดอร์กันค่ะทุกๆจุดนั้นจะสวยมากๆและนอกจากนั้นที่นี่ยังมีของจำลองสถานที่เที่ยวต่างประเทศมากมายไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองจีนหอไอเฟลหรือไม่ก็ยังถูกสร้างขึ้นมา

เพื่อจำลองให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ได้ลองถ่ายรูปกันมีความรู้สึกและฟิลลิ่งเหมือนกับว่าเรากำลังอยู่ที่ต่างประเทศจริงๆค่ะต่อมาเราจะมาพูดถึงส่วนหนึ่งนั่นก็คือโซนดอกไม้ค่ะซึ่งที่นี่นั้นจะมีดอกไม้เยอะมากหลายๆนานาชนิดและละลายนานาสายพันธุ์ซึ่งมีดอกไม้อยู่มากมายเป็นที่ต้องตาต้องใจและสวยงามถูกใจนักท่องเที่ยวทุกคน

ที่มาที่นี่กันเลยค่ะโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวมากๆนั้นจะมีดอกทิวลิปหลายๆดอกบานสะพรั่งออกดอกสวยงามถูกใจนักท่องเที่ยวหลายคนกันอย่างมากเลยค่ะซึ่งนักท่องเที่ยวหลายๆคนก็สามารถถ่ายรูปที่นี่ได้อย่างสบายใจสามารถดมกลิ่นของดอกทิวลิปได้อย่างใกล้ชิดโดยที่เจ้าของสวนไม่ว่าอะไร

เพียงแค่อยากกลับบ้านเท่านั้นค่ะเรียกว่าดีมากๆเลยค่ะบอกการท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาวมากๆถ้างั้นเรามาต่อกันอีกที่นึงเลยค่ะซึ่งก็เป็นโซนในที่นี่เหมือนกันนั่นก็คือโซนไดโนเสาร์ค่ะซึ่งที่นี่จะถูกสร้างให้เหมือนกับว่าเป็นป่าที่สวยงามแต่ก็ดูมีความมืดนิดหน่อยซึ่งจะเป็นอุโมงค์สร้างขึ้นมาแล้วจะมีหุ่นยนต์ ไดโนเสาร์จำลองให้เด็กๆได้ถ่ายรูปคู่สิ้นไม่อันตรายต่อเด็กๆค่ะเพียงแค่ร้องคำรามน่ารักๆๆรับรองว่าไม่โดนหัวใครแน่นอนค่ะเด็กๆเด็กๆพี่ชอบไดโนเสาร์นั้น

จะต้องถูกใจที่นี่กันอย่างมากเลยค่ะต่อมาอีกซอยนึงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากเลยนั่นก็คือโซนที่จะมีดอกกล้วยไม้นานาชนิดอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะซึ่งจะมีกล้วยไม้หลากหลายสีสันงดงามมากมายทุกคนได้ชมกันอย่างใกล้ชิดค่ะเรียกได้ว่าเป็นภาพที่สวยงามมากและมีส่วนของต้นกระบองเพชรด้วยค่ะโดยจะสร้างต้นกระบองเพชรขึ้นมาสร้างไว้

เป็นทางและจำลองพีระมิดขึ้นมาจากก้อนอิฐค่ะซึ่งทุกคนนั้นก็สามารถที่จะดูต้นกระบองเพชรได้อย่างใกล้ชิดลองเดินเที่ยวชมในพีระมิดจำลองที่สวยงามและดูหรูหราคนก็สามารถที่จะลองไปเที่ยวชมกันได้นะคะที่กล่าวมานี้ก็ยังไม่หมดเลยเนื่องจากที่นั่นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเอาเป็นว่าถ้าทุกคนลงไปเที่ยวกันเองจะต้องรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากกว่าที่ได้กล่าวไปอีกค่ะ

 

สนับสนุนเรื่องราวมาจาก  rb888

อาซากุสะ แหล่งรวมอารยธรรมและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นใครๆก็ติดภาพ ยักษ์ใหญ่แถวหน้าของเอเชียในเรื่องเทคโนโลยี ความล้ำสมัย การพัฒนาการ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าญี่ปุ่นเองก็มีมีมุมที่รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมต่างๆ รวมทั้งศิลปะวัฒนธรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรมในยุคญี่ปุ่นดั้งเดิมเอาไว้เป็นอย่างดี อย่างเช่นเมืองอาซากุสะแห่งมหานครโตเกียวแห่งนี้ก็เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจน

โดยเฉพาะมุมยอดฮิตอย่างภาพของวัดเซ็นโซจิ ที่เป็นวัดพุทธอันเก่าแก่ และฉากหลังคือโตเกียวสกายทรี หอคอยส่งสัญญาณทีวีดิจิทัลที่เป็นแลนด์มาร์กอีกอย่างของอาซากุสะ เรียกว่าเป็นภาพเดียวที่เห็นครบทั้งศิลปะอดีตและปัจจุบันอย่างลงตัว

วัดเซ็นโซจินั้น เป็นแหล่งศูนย์รวมจิตใจของคนญี่ปุ่น และเป็นที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ที่เป็นสัญลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรม ศิลปะแบบพุทธอันเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของโตเกียว วัดเซ็นโซจินั้นเดิมทีได้รับความเสียหายในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ว่าได้ทำการบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ และพัฒนามาเป็นศูนย์รวมในเรื่องความศรัทธาด้านศาสนาของคนญี่ปุ่น

และความสวยงามนี้เองก็ทำให้กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสักการะขอพรกันตลอดไม่ขาดสาย โดยเฉพาะการขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมที่ประดิษฐานอยู่ภายใน จุดสังเกตของวัดเซ็นโซจิก็ไม่ยาก จะมีโคมไฟสีแดงอันใหญ่ยักษ์แขวนอยู่ตรงประตูทางเข้าวัด เป็น Signature ที่นักท่องเที่ยวต่างพากันมาถ่ายรูปที่จุดนี้เพื่อแสดงว่ามาถึงอาซากุสะแล้วนะ นั่นเอง

ก่อนเดินเข้าถึงตัววัดต้องเดินผ่านประตูเทพเจ้า นั่นคือคะมินะริมง (Kaminarimon Gate) คู่เทพเจ้าสายฟ้า และเทพเจ้าแห่งสายลม หากเดินต่อไปจะเป็นถนนนะกะมิเซะ  Nakamise Dori มีของให้ช้อปปิ้งเล็กๆน้อยๆก่อนจะผ่านไปยังประตูโฮโซมงประตูด่านสุดท้ายก่อนเข้าถึงตัววัด

Asahi Beer Hall & Sumida River

เป็นสถานที่ต่อจากวัดเซ็นโซจิมาไม่ไกล เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องมาเยี่ยมชม นั่นคือตึกเบียร์อาซาฮีที่มองเห็นวิวแม่น้ำสุมิดะแม่น้ำสายสำคัญของโตเกียว จุดเด่นของตึกเบียร์อาซาฮีคือประติมากรรมรูปฟองเบียร์ที่ตั้งเด่นหน้าตึก ซึ่งข้างๆตึกเบียร์จะมีโตเกียวสกายทรี ให้ชักภาพผ่านเฟรมเดียวกันได้อย่างลงตัวอีกด้วย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

ถ้าไปเกาหลี คุณต้องรู้…ข้อห้ามที่ไม่ควรทำที่เกาหลี

เวลาเราไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เราจำเป็นต้องรู้พื้นฐานวัฒนธรรมเค้าด้วยนะ และเราก็ควรจะรู้ข้อห้ามต่างๆที่ประเทศที่เราไปท่องเที่ยวด้วย เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องและระวังตัวสำหรับข้อห้ามที่ห้ามทำ 

วันนี้จึงมีข้อห้ามสำหรับในประเทศเกาหลีของคนเกาหลีและนักท่องเที่ยวควรจะรู้มาฝากกันค่ะ 

คนเกาหลีเค้าไม่สูบบุหรี่กันตามอำเภอใจนะ 

การที่ชาวเกาหลีจะสูบบุหรี่นั้นเค้าจะสูบได้แค่ในพื้นที่หรือบริเวณเขตที่กำหนดว่าคุณสูบได้ เค้าไม่สามารถเดินไปสูบไปตามสถานที่ต่างๆในเมืองได้ เพราะถือว่าเสียมารยาทและไม่เหมาะสม

ถามไถ่เรื่อง อุจจาระ ปัสสาวะ เป็นเรื่องปกติ

การที่ชาวเกาหลีที่รู้จักกัน เจอกันถามทุกสุขดิบ และถามถึงสุขภาพ ลามไปจนถึงเรื่องปัสสาวะ อุจจาระ ถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่นี้ เพราะเค้าไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องน่ารังเกียจหรือน่าอายแต่อย่างใด เป็นการพูดคุยในเรื่องทั่วไปเท่านั้น

เห็นคนกลับที่ถนน ห้ามปลุก!

ถ้าคุณไปเที่ยวเกาหลีแล้วเจอ คนเมา ขอทาน หรือ ใครก็ตามที่นอนหลับที่ถนน คุณต้องไม่ไปปลุกคนที่กำลังหลับบนถนนเด็ดขาด ให้เค้าตื่นและรู้สึกตัวและไปต่อเอง

ห้ามจ้องหน้าคนแปลกหน้า และห้ามถ่ายรูปคนอื่นโดยพละการ

การที่คุณไปเกาหลี อย่าเผลอไปจ้องหน้าคนหล่อ คนสวย (ที่ไม่ใช่ดารา) นะ เพราะมันเป็นการเสียมารยาท ไปจ้องหน้าเค้า เค้าจะคิดว่าหน้าเค้ามีอะไรผิดปกติหรือไง และห้ามแอบถ่ายรูปคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเด็ดขาด เพราะชาวเกาหลีจะฟ้องหรือเรียกตำรวจจับคุณได้นะ 

ห้ามทิ้งเงินค่าทิปให้ 

การไปกินร้านอาหารหรือซื้อของที่ประเทศเกาหลี คุณห้ามวางเงินค่าทิปไว้เชียวนะ เพราะชาวเกาหลีมองว่าเป็นการดูถูกในหน้าที่การงานเค้า คุณแค่จ่ายตามบิลแค่นั้นพอ 

ห้ามโชว์รอยสักในที่สาธารณะ ถ้าไม่จำเป็น

ชาวเกาหลีเค้าไม่โชว์รอยสักกัน เพราะเค้ามองว่าคนที่มีรอยสักนั้นไม่ควรคบหรือไม่เป็นมิตรกับคุณ หากคุณยิ่งไม่ใช่ ดารานักร้องแล้ว เค้าไม่เห็นด้วยจากการที่คุณจะมีรอยสักด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันเริ่มเปิดกว้างมากขึ้นเพราะ นักร้องเกาหลีบางคนที่มีรอยสักเริ่มมีการเปิดเผยรอยสักของตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยแบบโจงแจ้งจนเกินไป ซึ่งถือว่าปัจจุบันชาวเกาหลีเริ่มมองการสักเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนที่แอนตี้หากใครมีรอยสัก

     คุณคงเห็นข้อห้ามต่างๆของที่ประเทศเกาหลีกันแล้วสินะ คราวนี้ไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วละ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8th

เที่ยวหาดชมตะวันกางเต้นท์นอนชมธรรมชาติที่งดงาม

           หากใครที่ไม่เคยมาเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์อยากจะแนะนำให้ลองมาเที่ยวดูสักครั้งโดยอยากจะให้ลองมาเที่ยวที่หาดชมตะวันซึ่งที่นี่มีกิจกรรมหลายกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลานได้มีการเตรียมไว้เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะหากใครที่มีเวลาว่างหลายๆวันสามารถพาครอบครัวมาเที่ยวที่นี่ได้เลยนะคะเพราะนอกจากเราจะได้ชมความงามของแม่น้ำ

เรายังสามารถเดินป่าไปชมความงดงามของเสื้อรวมถึงไปดูประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยมีกลุ่มคอมมิวนิสต์เข้าไปหรอกอาศัยอยู่ภายในถ้ำที่สำคัญยังมีต้นตะเคียนยักษ์ที่มีขนาดใหญ่มากโดยมีคนทดลองใช้มืออบแล้วต้องใช้ถึง 14 คนด้วยกันถึงจะสามารถออกได้เรียกได้ว่ามาที่หาดชมตะวันที่เดียวสามารถเที่ยวได้หลายแบบเลยล่ะค่ะ

เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาผ่าคุณไปเที่ยวที่หาดชมตะวันกันนะคะซึ่งที่นี่จะอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีในเขตอำเภอเสิงสางโดยที่อุทยานแห่งชาติทับลานนี้จะมีการจัดโซนให้นักท่องเที่ยวได้สามารถไปท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติได้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปพักผ่อนหย่อนใจคลายเครียดได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ อันดับแรกเมื่อเรามาถึงที่หาดชมตะวันเราควรจะต้องเลือกจุดกางเต็นท์ของเราก่อนค่ะเอาที่บิลที่ดีที่สุดที่เราชอบเลยทีเดียวโดยเราสามารถกางเต็นท์ใกล้กับลิงอ่างเก็บน้ำได้เลยนะคะ

เพราะฉะนั้นเมื่อกางเต็นท์เสร็จเรียบร้อยแล้วเราสามารถเดินชมธรรมชาติป่าเขาใกล้ๆกับจุดกางเต็นท์ของเราได้เลยมาที่สำคัญตรงบริเวณที่เรากางเต็นท์นี้ทางเจ้าหน้าที่จะมีการเตรียมเรือหางยาวไว้ให้นักท่องเที่ยวไว้เช่าเพื่อไปล่องแม่น้ำดูความงดงามของลำน้ำเมื่อดูความงามของแม่น้ำธรรมชาติริมน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

หากใครอยากที่จะไปเดินป่าเพื่อไปชมต้นไม้ที่หาชมได้ยากจากที่ไหนก็สามารถที่จะให้เจ้าหน้าที่อุทยานพาไปเที่ยวได้ซึ่งภายในป่านี้เราจะเข้าไปดูถ้ำโดยมีถ้ำพระพุทธรูปซึ่งเราสามารถเข้าไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลได้รวมถึงมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นถ้ำคอมมิวนิสต์โดยเมื่อเราเข้าไปข้างในถ้ำเราจะเห็นข้อความที่เขียนระบุเอาไว้แถวบริเวณผนังถ้ำเกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้และก่อนที่จะออกจากป่าเรายังสามารถไปถ่ายรูปกับต้นตะเคียนทองยักษ์

ซึ่งมีขนาดใหญ่มากโดยเชื่อว่าต้นตะเคียนทองนี้มีอายุมาหลายพันปีแล้วโดยเจ้าหน้าที่อุทยานเคยได้มีการทดลองใช้คนจำนวนมากในการจับมือล้อมเพื่ออบลำต้นว่ามีขนาดใหญ่แค่ไหนซึ่งต้องใช้คนมากถึง 14 คนด้วยกันซึ่งหาชมได้ยากมากสำหรับต้นตะเคียนทองยากขนาดนี้และถ้าหากใครมาเที่ยวที่หาดชมตะวันแห่งนี้ในช่วงฤดูหนาวแล้ว

เราก็จะมีอีกหนึ่งสถานที่ที่เจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำนั่นก็คือวางผีเสื้อซึ่งจะมีผีเสื้อเต็มไปหมดให้เราได้ถ่ายรูปคู่กับผีเสื้อเพื่อเอามาลง Facebook หรือ Instagram ส่วนตัวของเราเพื่อโชว์เพื่อนๆและที่สำคัญหากไม่ได้เลยที่นักท่องเที่ยวที่มาหาตะวันจะต้องไม่พลาดแน่ๆก็คือการชมความงดงามยามพระอาทิตย์ตกดินและพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดชมตะวันนั้นเอง

 

สนับสนุนโดย  bk8 คาสิโน

ประเทศรัสเซีย ตัดสินใจปลดล็อคดาวน์

ปากท้องต้องมาก่อน ประเทศรัสเซีย ตัดสินใจปลดล็อคดาวน์

ถึงเวลานี้ทุกๆ ประเทศบนโลกใบนี้คงเหนื่อยกันไปน้อยตั้งแต่เกิดภาวะวิกฤติไข้ระบาดโควิด19 ขึ้นมา ซึ่งเป็นระยะเวลาเกือบ ห้าเดือนแล้ว และหลังจากการแพร่ระบาดที่มีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนั้น แต่ละประเทศตัดสินใจด้วยวิธีการปิดเมือง ซึ่งเป็นมาตรการที่แต่ละประเทศนำมาใช้กันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและกระจายออกไปในวงกว้าง ซึ่งหลังจากที่แต่ละประเทศใช้มาตรการปิดเมืองนี้มาร่วมสองเดือนแล้วนั้น ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะถูกยับยั้งและมีตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยลงนั้น

แต่สิ่งที่ตามมาคือสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงทุกวัน ปากท้องของประชาชนที่เริ่มหิวโหย กลับมาแพร่กระจายแทนที่เจ้าไข้ไวรัสนี้แทน ซึ่งล่าสุดประเทศรัสเซีย อีกหนึ่งประเทศมหาอำนาจที่ตัดสินใจปลดล็อกการปิดประเทศ เพื่อปากท้องของประชาชน ซึ่งถ้าให้เทียบกันแล้ว สถานการณ์เศรษฐกิจที่ตกต่อลงขณะนี้เริ่มน่าเป็นห่วงมากกว่าไข้โควิดซะอีก

เพราะกลายเป็นว่าคนจะไม่ได้ตายด้วยโรคโควิด แต่จะตายด้วยการไม่มีจะกิน ซึ่งก็ไม่ต่างกับประเทศไทยและหลายประเทศที่มีอัตราคนว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มีชาวรัสเซียมาลงทะเบียนคนว่างงานมากกว่า เจ็ดแสนสามหมื่นห้าพันคน รวมแล้วมียอดสะสมทะเบียนว่างงานในประเทศรัสเซียนี้แล้วกว่าหนึ่งล้านสองแสนคน และคาดกันต่อว่าจะลุกลามและทำให้คนรัสเซียตกงานมากกว่าห้าถึงหกล้านคนเลยทีเดียว ถึงตอนนี้แล้วในที่ประธานาธิบดีของรัสเซีย ก็ต้องยอมแพ้ เพราะดูท่าแล้วว่าคงไม่สามารถกำจำไวรัสตัวนี้ได้ในเร็ววัน

แต่สิ่งที่ต้องรีบแก้ไขตอนนี้คือปัญหาด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงมีการสั่งปลดล็อกมาตรการควบคุมไวรัสหลังวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ แม้ว่าตอนนี้จะมียอดผู้ติดเชื้อจะพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับที่ห้าของโลกแล้วก็ตาม แต่แน่นอนว่าระดับท่านประธานาธิบดีแล้วนั้น คงไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม ปลดล็อกทีเดียวแน่นอน แต่จะเป็นการคลายมาตรการที่ละจุด

โดยเริ่มจากภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมก่อน โดยจะให้สิทธิ์ผู้บริหารเป็นคนตัดสินใจวางแผนกันเองว่าจะรับมือยังไงในเขตพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ พร้อมทั้งมีการย้ำช้ำถึงการระวังไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นมาอีกเป็นระลอก ส่วนในเมืองหลวงอย่างมอสโก ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดนั้น ด้วยยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ใกล้หลักแสนคนเข้าไปทุกทีแล้วนั้น จะยังไม่มีการผ่อนผันแต่อย่างใด ซึ่งในเวลานี้ยังคงมีการเฝ้าระวังและคอยดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ จนกว่าเมืองหลวงจะดีขึ้น และจะมีการประเมินสถานการณ์กันอีกทีในสองสัปดาห์ข้างหน้าเป็นระยะๆ

 

สนับสนุนมาจาก  rb88 thailand

คุมเข้มปิดชายหาดที่พัทยารวม 9 จุด

คุมเข้มปิดชายหาดที่พัทยารวม 9 จุดหวังลดการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

         จากที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ดีขึ้นทำให้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา ได้ออกมาประกาศการปลดล็อกดาวน์บางพื้นที่ให้กลับมาใช้บริการได้ตามเดิม โดยหนึ่งในนั้นก็คือ พัทยา ที่มีการปลดล็อกาดาวน์เปิดให้ชาวบ้านในพื้นที่ออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านได้ โดยมีการอนุญาตให้มีการออกมาเดินออกกำลังกายริมถนนตรงบริเวณชายหาด ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดของเมืองพัทยาก็ได้ออกมาควบคุมการดูแล

พร้อมมีการระบุเงื่อนไขการปลดลอ็กดาวน์ในครั้งนี้ว่า จะเป็นการอนุญาตให้ชาวบ้านออกมายืดเส้นยืดสายออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังไม่อนุญาตให้มีการลงเล่นน้ำทะเล หรือรุกล้ำเข้าไปที่บริเวณริมชายหาดอย่างเด็ดขาด โดยที่บริเวณจะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวมานั่งเล่น หรือนำอาหารมานั่งกินริมหาด

เพราะต้องการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส -19 ดังนั้นนายกเมืองพัทยาจึงได้ให้เจ้าหน้าที่นำเชือกมากั้นบริเวณจุดที่ห้ามเข้าเอาไว้ และมีการปิดชายหาดรวมทั้งสิ้น 9 จุดด้วยกัน ไมว่าจะเป็น หาดพัทยา   หาดจอมเทียน   หาดพระตำหนัก   หาดโคซี่   หาดวงศ์ฮมาตย์   หาดกระทิงราย   และยังมีสวนสาธารณธลานโพธิ์นาเกลือ 

รวมถึง ลานท่าเรือที่แหลมบาลีฮาย โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 9 เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา และจะมีการปิดยาวไปจนถึงวันที่ 31 เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2563 หรือหากยังคงมีการระบาดของเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่องอยู่อีกก็อาจจะมีการขยายเวลาออกไปเรื่อยเรื่อย จนกว่าจะสามารถหยุดการระบาดของเชื้อไวรัสได้

ทั้งนี้นายกเมืองพัทยาได้มีการออกข้อมูลเตือนเรื่องของการใช้พื้นที่ริมชายหาดไว้อย่างชัดเจน โดยมีการติดป้ายเตือนเอาไว้ รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ประจำตามจุดต่างต่างคอยตรวจสอบชาวบ้านที่มาออกกำลังกายว่าได้มีการทำผิดกฎหรือไม่ รวมถึงจะมีการนำโดรนออกมาเพื่อและประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนที่มาบริเวณชายหาดได้ทราบเกี่ยวกับการห้ามลงเล่นน้ำ

หรือการทำกิจกรรมบริเวณชายหาดทั้งนี้การประชาสัมพันธ์นี้จะมีการประชาสัมพันธ์หลายภาษาเพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ทราบและเข้าใจตรงกัน 

       เกี่ยวกับการปิดการเล่นน้ำทะเลในครั้งนี้นั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีกับประชาชนแน่นอน เพราะช่วงนี้อากาศร้อนหลายคนคงอยากมาเล่นน้ำทะเล หากเปิดให้มีการเล่นน้ำทะเลได้ในช่วงนี้เกรงว่าจะมีคนเป็นจำนวนมากที่จะหลั่งไหลพากันมาเที่ยวเพื่อเล่นน้ำทะเล และจะกลายเป็นว่าเป็นแหล่งรวมพล ทำให้มีความเสี่ยงอย่างมากที่อาจจะมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาอีกครั้งก็ได้

 

ขอขอบคุณ  bk8thai  ที่ให้การสนับสนุน

อยากพบกับความรักดีๆไปขอพรกับพระแม่ลักษมีที่เกษรพลาซ่ากันเถอะ

           สำหรับหนุ่มสาวที่ต้องการขอพรเกี่ยวกับเรื่องของความรักแน่นอนว่าในกรุงเทพฯนั้นมีสถานที่ขอพรเกี่ยวกับความรักอยู่หลายสถานที่ด้วยกันซึ่งแต่ละสถานที่ก็มีชื่อเสียงและเมื่อมีใครไปขอพรเกี่ยวกับเรื่องของความรักก็มักจะสมหวังได้กันทุกรายไป 1 ในสถานที่ขอพรเกี่ยวกับเรื่องของความรักที่จะแนะนำอีกสถานที่หนึ่งนั่นก็คือพระแม่รัศมี

ซึ่งท่านเป็นเทพีแห่งความรักที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งพระแม่ลักษมีนั้นพระองค์เป็นพระชายาซึ่งมีความซื่อสัตย์ต่อความรักของพระนารายณ์เป็นอย่างมากและที่สำคัญพระแม่ลักษมีเทวียังทรงเป็นที่รักของพระสวามีนั่นก็คือพระนารายณ์มากนั่นเองทำให้หลายคนที่ได้เห็นความรักของทั้งสองพระองค์ต่างก็รู้สึกศรัทธาและพากันเลื่อมใสจึงเดินทางมาขอพรเกี่ยวกับเรื่องของความรักกับพระแม่ลักษมีเทวีกันเป็นจำนวนมาก

โดยมีการเชื่อกันว่าหากได้มาขอพรกับพระแม่ลักษมีเทวีแล้วความรักของหนุ่มสาวที่มาขอพรนั้นจะสุขสมหวังและจะสามารถครองคู่กันจนแก่เฒ่าและที่สำคัญคู่ของเขาหรือเธอจะซื่อสัตย์ออกครอบครัวเหมือนอย่างที่พระแม่ลักษมีเทวีและพระนารายณ์มีความซื่อสัตย์ต่อกัน

          สำหรับสถานที่ที่เราสามารถไปกราบไหว้ขอพรพระแม่ลักษมีเทวีได้นั้นจะอยู่บริเวณหน้าห้างเกษรพลาซ่าซึ่งอยู่ในเขตกรุงเทพฯนี่เองซึ่งห้างเกษรพลาซ่าร้านนั้นจะอยู่ตรงบริเวณแยกราชประสงค์ซึ่งสถานที่แห่งนี้มักจะมีผู้คนนำพวงมาลัยมากราบไหว้พระแม่ลักษมีกันเป็นจำนวนมาก พระแม่รัศมีเทวีนั้นไม่เพียงแต่ให้โชคลาภเรื่องของเรื่องความรักเท่านั้นแต่พระองค์ยังเป็นเทพนารีแห่งความมั่นคงร่ำรวยอีกด้วยซึ่งตามประวัติว่ากันว่าพระองค์ถือกำเนิดมาจากฟองน้ำ

ซึ่งตอนที่พระแม่ลักษมีได้ถือกำเนิดขึ้นมานั้นพระองค์ขึ้นมาด้วยท่านั่งในดอกบัวด้วยมือของพระองค์ก็ยังมีการถือดอกบัวอีกด้วยทำให้พระองค์มีอีกนามหนึ่งว่าปัทมาซึ่งทำงานลักษมีนั้นเป็นเทพที่มีความงดงามทั้งรูปร่างหน้าตาและกิริยาท่าทางรวมถึงมีวาจาที่ไพเราะเพราะพริ้งโดยมือทั้งสองข้างของพระแม่ลักษมีจะถือดอกบัวทั้งสองข้าง

สำหรับใครก็ตามที่ต้องการไปขอพรกับพระแม่ลักษมีจะต้องขึ้นไปที่ชั้น 4 ของห้างเกษรพลาซ่าประชาชนสามารถที่จะขึ้นไปทำความเคารพสักการะพระแม่ลักษมีได้ตั้งแต่ช่วง 10:00 น.จนถึง 18:00 น.ซึ่งสิ่งที่นำไปกลับบ้านนั้นจะมีเป็นธูป 9 ดอกและดอกบัวซึ่งดอกบัวนั้นจะต้องเป็นสีชมพูเท่านั้นส่วนหากใครที่มาบนบานศาลกล่าวและสุขสมหวังดังที่ขอไปจะมาแก้บนนั้นสามารถที่จะนำน้ำอ้อยหรือมะพร้าวมาทำการแก้บนก็ได้

 

สนับสนุนโดย  bk8 info

พาเที่ยวชมความงามของมาชูปิกชู

พาเที่ยวชมความงามของมาชูปิกชู เมืองของชนเผ่าอินคาที่หายสาบสูญ

            ที่ประเทศเปรูเราจะพบซากอารยธรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณอาการมีความสวยงามโดดเด่นซึ่งสถานที่แห่งนี้เรียกว่ามาชูปิกชูโดยที่นี่จะมีการก่อสร้างไว้บนเทือกเขาสูงซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นอารยธรรมที่มีมานานหลายพันปีแล้วโดยมีการคาดการณ์ว่าน่าจะถูกก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยคริสตศักราช 1450 และสูญหายไปตามกาลเวลาจนถูกขนานนามว่าเมืองสาบสูญแห่งอินคาซึ่งต่อมานักโบราณคดีที่ชื่อว่าไฮแรม  บิงแฮม ได้มีการค้นพบมาชูปิกชูในปีพศ 2454 โดยนักโบราณคดีคนนี้นอกจากจะค้นพบมาชูปิกชูแล้วเขายังค้นพบเอกสารทางประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่ามาชูปิกชูนี้

เกิดขึ้นในจักรวรรดิอินคาที่นี่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากโดยมีความสูงถึง 2350 เมตรเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโบราณสถานที่หากใครต้องเดินทางมาที่ประเทศเปรูแล้วพลาดไม่ได้เลยที่จะต้องมาเยี่ยมชมความงดงามของสถานที่แห่งนี้เนื่องจากที่นี่เป็นลักษณะของ ปราสาทที่อยู่บนยอดเขาเวลาที่ขึ้นไปด้านบนของประสาทแล้วมองลงมาจะมองเห็นความสวยงามของวิวทิวทัศน์ที่อยู่ด้านล่างรวมถึงหากมองด้านบนแล้วมองออกไปข้างนอกจะเหมือนกับเราอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปานเนื่องจากว่าจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของหุบเขารวมถึงท้องฟ้า

ที่มีก้อนเมฆสีขาวตลับเขียวเต็มไปหมดที่นี่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างด้วยการ นำหินก้อนเล็กๆมาเรียงรายต่อกันจนเกิดเป็นประสาทขึ้นมาและการเดินทางมาที่เมืองมาชูปิกชูนี้สามารถที่จะนั่งเป็นรถไฟฟ้าหรือรถโดยสารประจำทางมาก็ได้ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะมาถึงโดยสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้คือ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ซึ่งมีการประกาศเอาไว้เมื่อปีพศ 2550 นักท่องเที่ยวหลายคนที่เดินทางมาเที่ยวที่นี่ต่างก็ยกย่องว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีความสวยงามแปลกตาไม่เหมือนใครคุณสามารถที่จะนั่งชมความงดงามของธรรมชาติได้เป็นวันๆโดยไม่มีเบื่อและที่นี่หากคุณมองลงไปด้านล่างคุณจะพบกับจุดชมวิวซึ่งจะมองเห็นแม่น้ำไหลผ่านกับหุบเขาโดยเชื่อกันว่าแม่น้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของชนเผ่าต่างๆรวมถึงชนเผ่าอินคาด้วยซึ่งแม่น้ำแห่งนี้เราเรียกกันว่าแม่น้ำอูรูบัมบาสิ่งที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับคนที่พบเห็นและกลายมาเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้นั้นเนื่องจากว่าสิ่งก่อสร้างทั้งหมดของที่นี่เกิดจากการกระทำของฝีมือมนุษย์

ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นได้มีการขนย้ายอิฐขึ้นมาบนภูเขาสูงและนำมาต่อเรียงรายกันเกิดเป็นกำแพงเกิดเป็นอาคารบ้านเรือนซึ่งในสมัยโบราณนั้นไม่มีอะไรที่จะสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในการขนย้ายพวกหินเหล่านี้ได้เลยดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างมากที่ชาวเผ่าอินคาได้มีการขนหินก้อนเล็กๆทีละก้อนขึ้นมาบนยอดเขาที่สูงมากขนาดนี้แล้วมาสร้างเป็นสถานที่ที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวรุ่นหลังได้มาเยี่ยมชม

ท่องเที่ยว ชิเชนอิตซา ซากอารยธรรมของชนเผ่ามายา ประเทศเม็กซิโก

           หากใครก็ตามที่เคยค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่อง 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกโยมจะรู้ว่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่พูดถึงกันนั้นมีวิหารพีระมิด เอลกาสตีโย รวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งวิหารพีระมิด เอลกาสตีโย นี้ เป็นส่วนหนึ่งของชิเชนอิตซาซึ่งอยู่ในรัฐยูกันตัง ประเทศเม็กซิโกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พลเมืองเม็กซิโกต่างก็ภาคภูมิใจเป็นอย่างมากเพราะที่นี่เป็นโบราณสถาน

ซึ่งมีอารยธรรมเก่าแก่มายาวนานโดยมีการเชื่อกันว่าผู้ที่สร้างอารยธรรมมาเริ่มแรกก็คือชนเผ่าเมืองมายาที่ได้อพยพมาอาศัยอยู่ในประเทศเม็กซิโกแห่งนี้ในปัจจุบันสถานที่นี้ถูกตั้งให้เป็นมรดกของโลกอีกชิ้นหนึ่งที่มีความสำคัญและควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ทางประวัติศาสตร์ยาวนานของชิเชนอิตซาว่ากันว่ามีการสร้างมาตั้งแต่ในสมัยช่วงคริสต์ศักราช 600 ถึง 1,200  

ซึ่งสถาปัตยกรรมต่างๆเหล่านี้ถูกก่อสร้างมาโดยชนเผ่ามายาซึ่งในขณะนั้นเป็นชนเผ่าที่มีความฉลาด และมีความเก่งในเรื่องของดาราศาสตร์เป็นชนเผ่าที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในสมัยนั้นซึ่งพวกเขาได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ที่น่าทึ่งขึ้นมาดรีมสีมือของมนุษย์ซึ่งที่นี่จะมีการสร้างตั้งแต่วิหารพีระมิด   หอดูดาว   โรงอาบน้ำ    พระราชวัง  และอื่นๆอีกมากมายซึ่งกินพื้นที่มากถึง 64 ตารางกิโลเมตรโดยสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่ในปัจจุบันซึ่งนักท่องเที่ยวต่างก็พากันเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อต้องการชื่นชมอารยธรรมในสมัยโบราณซึ่งไม่น่าเชื่อว่าคนในสมัยโบราณ

จะสามารถสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้เนื่องจากในสมัยนั้นไม่ได้มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากนักที่จะสามารถนำมาสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้โดยจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นพระราชวังหรือมหาวิหารต่างๆถูกก่อสร้างมาจากการนำหินก้อนเล็กๆมาเรียงต่อกันให้เป็นรูปร่างขึ้นมาซึ่งต้องใช้ระยะเวลายาวนานและจำนวนคนเป็นอย่างมากกว่าจะก่อสร้างสถานที่ต่างๆ

เหล่านี้เสร็จสิ้นแต่ทางชนเผ่ามายาเองก็แสดงให้เห็นแล้วว่าถึงแม้ว่าจะผ่านมาเป็นพันปีแต่พวกเขาก็สามารถที่จะสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ชนเผ่ามายาคือชนเผ่าที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถทำนายดวงชะตาล่วงหน้าได้นับเป็นพันๆปีซึ่งมีหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ สำหรับ พีระมิด เอลกาสตีโย เป็นพีระมิดที่มีความสูงมากถึง 9 ชั้นด้วยกันโดยลักษณะรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมีการก่อสร้างบันไดให้สามารถขึ้นไปถึงด้านบนของยอดพีระมิดได้โดยการสร้างบันไดไว้ทั้ง 4 ด้านของพีระมิดและเมื่อเรานับจำนวนขั้นบันไดแล้วก็จะพบว่าแต่ละด้านนั้นมีบันไดทั้งหมด 91 ขั้นและทั้ง 4 ด้านนั้น

มีจำนวนขั้นบันไดเท่าเทียมกันทั้งหมดและถ้าหากมีการนับจำนวนขั้นบันไดทั้ง 4 ด้านนำมารวมกันแล้วจะพบว่ามียอดรวมทั้งหมด 365 ขั้นขึ้นก็จะตรงเท่ากับ 1 ปีในรอบปฏิทินปัจจุบันโดยเชื่อกันว่าพีระมิดแห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในการบูชาเทพเจ้าและที่สำคัญชาวมายายังใช้สถานที่แห่งนี้ในการทำเป็นหอดูดาวแต่ปัจจุบันเนื่องจากการเวลาผ่านไปนานสิ่งก่อสร้างที่สวยงามก็ผุพังลงซึ่งตอนนี้เราสามารถจะยังคงเห็นซากอารยธรรมได้บางส่วนเท่านั้นซึ่งสถานที่แห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี

นั่งรถไฟ JR ของญี่ปุ่นไปไหนได้บ้าง

รถไฟสายสีเขียว JR ของญี่ปุ่น เป็นรถไฟสายสำคัญที่เดินทางผ่านหลายๆเมืองที่สำคัญ หากท่านไม่ชำนาญในการเดินทางในญี่ปุ่น เราจะแนะนำสถานที่สำคัญๆในแต่ละสถานีที่รถไฟ JR ผ่านให้ได้ทราบ เพื่อเป็นแนวทางในการเดินทางในญี่ปุ่น

สถานี Yurakucho ชื่อนี้คงดูไม่คุ้นหูเท่าใดนัก แต่หากพูดว่าที่นี่คือสถานี “ย่านกินซ่า” หลายๆคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี ย่านกินซ่านี้คือย่านหรูหราฟุ้งเฟ้อฟู่ฟ่าของโตเกียว ประมาณย่านกังนัมของเกาหลีใต้ ที่เป็นศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำหลากหลายชนิดเรียงรายให้เลือกซื้อช้อปปิ้ง หากท่านเตรียมใจเตรียมเงินแล้วก็ไม่ลำบากอะไรในการเดินเล่นในย่านนี้ แต่หากเป็นการมาเที่ยวในงบจำกัดแล้วล่ะก็ คงจะลำบากใจซักหน่อย เพราะมีแต่ของแพงไฮโซเต็มไปหมด

สถานี Shinjuku ชินจูกุ เป็นสถานีแห่งความวุ่นวายชวนหลงได้เป็นอย่างดี เพราะภายในสถานีนี้ค่อนข้างซับซ้อนมาก มีทางออกมากมายหลายทาง ถ้ามือใหม่มาที่นี่มีโอกาสหลงสูงมาก ย่านชินจูกุ เป็นย่านแห่งความบันเทิงครบวงจร เป็นศูนย์รวมทุกอย่าง สินค้าช้อปปิ้ง ความบันเทิง แฟชั่น เสื้อผ้า  หรือสถานบันเทิงยามค่ำคืน ก็ต้องมาที่แห่งนี้ เรียกได้ว่าคนพลุกพล่านตลอดทั้งวันทั้งคืน

สถานี Ikebukuro อิเคะบุคุโระ เป็นสถานีที่ ครบจบในที่เดียวอีกแห่งหนึ่ง มีแหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินนค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงที่เที่ยวอย่างพวกพิพิธภัณฑ์ อะควาเรียม จุดชมวิว และย่านสถานบันเทิงอีกด้วย

สถานี Nippori นิปโปริ คำจำกัดความง่ายๆของสถานีนี้คือ พาหุรัดเมืองไทย ที่มีผ้าชนิดต่าง เสื้อผ้าต่างๆมากมาย มีอุปกรณ์งานฝีมือเย็บปักทักร้อย คือเรียกว่าถ้าจะทำงานเกี่ยวกับเสื้อผ้า เย็บผ้า หาอุปกรณ์ หรือซื้อเสื้อผ้าแบบงานเย็บสำเร็จเหมือนพาหุรัดบ้านเราแล้วล่ะก็ต้องมาที่นี่นั่นเอง

สถานี Ueno อุเอะโนะ เป็นสถานี ที่เหมาะกับคนรักสงบ หลีกหนีความวุ่นวายอย่างกินซ่า ชิบุย่า หรือ ฮาราจูกุ ได้เป็นอย่างดี เป็นที่พักยอดฮิตของคนไทย เพราะค่อนข้างสงบ ห่างไกลตัวเมือง มีสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ ไปเที่ยวได้ และมีแหล่งช้อปปิ้งของถูก รวมถึงร้านอาหารเด็ดอย่างซูชิด้ง ด้วย